ถ้าเปรียบทุเรียนเป็นคนๆนึง มันอาจจะเป็นคนที่สับสนมากๆ หลายคนหลงใหลมัน เฝ้ารอการเริ่มต้นฤดูกาลอย่างตื่นเต้นและกลืนกินมันด้วยความหลงใหลจนแทบจะควบคุมไม่ได้ และโดยปกติแล้ว ทุกคนต่างก็เกลียดทุเรียนด้วยความขยะแขยง มันเหมือนกับโดนัลด์ ทรัมป์แห่งโลกผลไม้ มันเป็นเรื่องความเห็นที่ไม่ตรงกันที่คนๆนึงอาจซื้อทุเรียนให้กับแฟน แต่ถูกห้ามนำไว้ในรถ ด้วยเหตุนี้คุณจึงมักเห็นถุงทุเรียนห้อยอยู่ที่ปัดน้ำฝนตรงท้ายรถอยู่บ่อยๆ
น่าแปลกที่หลายคนที่ชื่นชอบในรสชาติของทุเรียนมักรู้สึกขุ่นเคืองใจเมื่อได้ดมกลิ่นของมัน ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องกลิ่นที่ค่อนข้างแรงอยู่แล้ว กลิ่นที่โชยออกมานั้นทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย และเป็นเรื่องปกติมากที่จะเห็นป้ายห้ามรับประทานในโรงแรม สนามบิน และรถแท็กซี่ อย่างไรก็ตาม รสชาติอันล้ำค่าของ “ราชาแห่งผลไม้” นั้นถือว่าสูงพอที่จะทำให้หลายคนละเลยกลิ่นได้อย่างง่ายดาย หากถามว่ากลิ่นของทุเรียนเป็นอย่างไร? ผู้ที่เกลียดมันจะพูดว่าเป็นส่วนผสมของหัวหอมเน่า ถุงเท้าออกกำลังกายที่มีกลิ่นเหงื่อ และผลไม้สุกงอม ส่วนผู้ที่ชื่นชอบมันจะพูดว่าเป็นเหมือนสวงสวรรค์ คัสตาร์ดอันหอมหวาน และกลิ่นของอัลมอนด์และคาราเมล อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบคุณจะรู้เมื่อได้กลิ่นของทุเรียนด้วยตนเอง
ทุเรียนไม่ใช่ผลไม้ชนิดใหม่ มันได้รับการสืบทอดพันธุกรรมย้อนกลับไปยังยุคของไดโนเสาร์ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ก่อนถึงยุคของอาหารแปรรูปและของหวานที่ใส่น้ำตาล พรานป่าคงดีใจเมื่อเจอต้นทุเรียน อาหารที่มีความหวานไม่ได้มีทั่วไปในธรรมชาติ ทุเรียนนั้นมีรสหวาน น่ากิน และเต็มไปด้วยไขมันและแคลอรี
โอเค, บางคนเกลียดมัน บางคนชอบมัน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่คุ้นชินอาจไม่รู้ถึงคุณค่าของผลไม้ชนิดนี้ ในปี 2562 ทุเรียนลูกหนึ่งถูกประมูลที่ประเทศไทยในราคาเกือบ 48,000 เหรียญสหรัฐ! นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมาก ทุเรียนจากผู้ปลูกที่มีชื่อเสียงสามารถเรียกราคาได้สูงมากอย่างต่อเนื่อง ทุเรียนมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ สายพันธุ์ที่พบมากที่สุดในภูเก็ต ได้แก่ ทุเรียนบ้าน หมอนทอง ชะนีไข่ และก้านยาว ทุเรียนบ้านถูกที่สุดราคาเฉลี่ยประมาณ 60 บาทต่อกก. แต่รสชาติของทุเรียนบ้านจะไม่คงเส้นคงวา เมล็ดอาจมีขนาดใหญ่และเปลือกหนา (ผลกินได้ไม่มากนัก) หากคุณไม่เคยทานทุเรียนมาก่อน ชะนีไข่หรือก้านยาวน่าจะเป็นพันธุ์ที่ดีกว่าในการเริ่มลอง สายพันธุ์เหล่านี้มักจะมีรสสัมผัสที่นุ่มและรสชาติเหมือนคัสตาร์ดคาราเมลหวานมากกว่าด้านความหอม คาดว่ามีราคาตั้งแต่ 100-180 บาท/กก. สำหรับสายพันธุ์เหล่านี้ในภูเก็ต
จริง ๆ แล้วการเลือกซื้อผลไม้นั้นต้องใช้ความพยายามพอสมควร ผู้ที่มีความรู้จะสามารถเลือกผลไม้โดยพิจารณาจากสี กลิ่น เสียง โดยการใช้ไม้เคาะและสอบถามผู้ปลูกว่าผลไม้ถูกเก็บเกี่ยวเมื่อใด (เปอร์เซ็นต์ความสุกโดยประมาณเมื่อเก็บ) บางคนมองหาผิวที่บาง เมล็ดเล็กๆ และความสุกที่พวกเขาต้องการ บางคนชอบเนื้อแน่นกว่านี้แต่สุกน้อยกว่า และบางคนชอบสุกมากกว่า นุ่มกว่า และฉุนกว่า ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล