ทุกวันนี้ การทำงานจากระยะไกลกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก และก็มีเหตุผลที่ดีอยู่เบื้องหลัง สำหรับผู้ที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่ทำงานจริงและอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาว การทำงานจากระยะไกลเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ยิ่งถ้าคุณเพิ่มข้อดีของเกาะเขตร้อน คุณภาพชีวิตที่สูง วัฒนธรรมที่เป็นมิตรและน่าสนใจ รวมถึงอาหารที่หลากหลายและอร่อยเข้าไปอีก หลายคนก็คงเริ่มเก็บกระเป๋าในใจแล้ว
จนกระทั่งไม่นานมานี้ การทำให้ฝันนี้เป็นจริงในภูเก็ตยังเป็นเรื่องยาก ส่วนหนึ่งก็เพราะข้อจำกัดด้านวีซ่าและการทำงาน อย่างไรก็ตาม ปีที่แล้วได้มีการเปิดตัว “วีซ่าเดสติเนชั่นไทยแลนด์” (Destination Thailand Visa - DTV) ซึ่งเปิดทางให้คนทำงานจากระยะไกลสามารถมาปักหลักที่ภูเก็ตได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
วีซ่านี้ออกแบบมาสำหรับคนทำงานทางไกล (digital nomads) รวมถึงผู้ที่ต้องการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางวัฒนธรรมหรือกิจกรรมทางการแพทย์ระยะยาว โดยให้ความยืดหยุ่นในการพำนักระยะยาว และช่วยลดความยุ่งยากในการอยู่ใน “ดินแดนแห่งรอยยิ้ม” แห่งนี้
นี่คือข้อมูลเบื้องต้นว่า DTV คืออะไร เหมาะกับใคร และคุณจะสามารถขอวีซ่านี้ได้อย่างไรบ้าง
วีซ่า DTV คือคำตอบของประเทศไทยต่อกระแสการทำงานแบบดิจิทัลโนแมดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นวีซ่าประเภทเข้าหลายครั้ง (Multiple-Entry) ที่มีอายุ 5 ปี โดยอนุญาตให้พำนักในประเทศไทยได้ต่อเนื่องครั้งละ 180 วัน และสามารถขยายระยะเวลาได้อีก 180 วันในแต่ละครั้ง ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถพำนักอยู่ในประเทศไทยได้นานถึงหนึ่งปีเต็มต่อการเข้าประเทศหนึ่งครั้ง ก่อนที่คุณจะต้องออกและกลับเข้ามาใหม่
เพียงแค่นี้ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากอยู่แล้ว แต่ยังมีข้อดีเพิ่มเติมอีกคือ คุณสามารถทำงานจากระยะไกลให้กับบริษัทต่างประเทศได้อย่างถูกกฎหมาย โดยไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตทำงาน อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการทำงานให้กับบริษัทในประเทศไทย คุณยังคงต้องขอใบอนุญาตทำงานตามปกติ
อีกหนึ่งข้อดีคือ สมาชิกในครอบครัวที่อยู่ในความอุปการะของคุณ เช่น คู่สมรสหรือบุตรที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สามารถเดินทางมาพร้อมกับคุณได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติตามเงื่อนไขของวีซ่าทุกคน เพียงแค่มีหนึ่งคนที่ผ่านเกณฑ์ก็เพียงพอ
Image by upklyak on Freepik
ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถขอวีซ่า DTV ได้ — มีข้อกำหนดเฉพาะที่ต้องปฏิบัติตาม:
สำหรับลูกจ้าง (Employees)
สำหรับเจ้าของธุรกิจ (Business Owners)
สำหรับฟรีแลนซ์ (Freelancers)
สำหรับผู้เข้าร่วมกิจกรรม “Soft Power” ในไทย
โปรดทราบว่า เอกสารประกอบต้องเป็นทางการและสามารถโน้มน้าวเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองว่าคุณมีเจตนาจริงใจ — อีเมลจากค่ายมวยไทยเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ อย่าลืมว่า วีซ่า DTV จัดอยู่ในประเภท “วีซ่าท่องเที่ยว” จึงแตกต่างจากวีซ่าธุรกิจหรือวีซ่าครอบครัว และจะมีข้อจำกัดบางประการตามประเภทของวีซ่านี้
การสมัครวีซ่า DTV ต้องดำเนินการจากนอกประเทศไทย โดยแม้ว่าคุณอาจสามารถยื่นคำร้องด้วยตนเองที่สถานทูตไทยได้ แต่การสมัครผ่านระบบออนไลน์ (e-visa portal) ถือว่าสะดวกและเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ค่าธรรมเนียมวีซ่าอยู่ที่ 10,000 บาท ดังนั้นควรตรวจสอบแบบฟอร์มและเอกสารแนบให้รอบคอบหลายรอบ เพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าหรือต้องสมัครใหม่
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับวีซ่า DTV คือ คุณยังขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เพราะแต่ละกรณีมีความแตกต่างกัน และเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้พิจารณาว่าควรออกวีซ่าให้หรือไม่
เมื่อมีการประกาศเปิดตัววีซ่านี้ รัฐบาลก็ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถได้รับสิทธิ์ หมายความว่า แม้คุณจะรู้สึกว่าตนเองตรงตามเงื่อนไข ก็ยังมีโอกาสที่คำขอวีซ่าจะถูกปฏิเสธได้