มีข่าวลือพูดกันว่าจังหวัดภูเก็ตมีอากาศร้อน จากสถานที่ตั้งของจังหวัดภูเก็ตที่อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรไม่ถึง 900 กม. จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าจังหวัดภูเก็ตจะมีอากาศร้อน โชคยังดีที่จังหวัดภูเก็ตมีน้ำล้อมรอบ มีภูเขาเล็ก ๆ อยู่บ้าง แม้จะมีป่าไม้หลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยก็ตาม นอกจากนี้ยังมีสายลมที่คอยพัดอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้เราไม่ค่อยรู้สึกร้อนอบอ้าวตลอดปี ถึงแม้ว่าเราจะพูดว่าไม่ค่อยรู้สึกร้อนแต่ก็มีหลายวัน และบางเวลาที่มีอากาศร้อนมาก
Chairs mesh for the backrest Cr: arteconfort.com
สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์ใช้ชีวิตในภูมิประเทศเขตร้อน สิ่งหนึ่งที่คุณต้องเรียนรู้อย่างรวดเร็วก็ คือ ร่มเงาสามารถช่วยลดความร้อนได้ หากคุณอยู่ใต้ร่มเงา และมีสายลมพัดเบา ๆ ก็พอที่จะสามารถช่วยลดความร้อนให้กับคุณได้ในวันที่มีอากาศร้อนจัด แน่นอนว่าหลายคนเปิดเครื่องปรับอากาศไปที่ 24 องศาเซลเซียส คุณก็พอที่จะสามารถแก้ปัญหาอากาศร้อนได้บ้างชั่วคราว แต่หากคุณวางแผนที่จะอาศัยอยู่ที่นี่ในระยะยาว คุณควรปรับตัวให้เข้ากับความร้อน ผู้คนส่วนใหญ่ในจังหวัดภูเก็ตใช้เวลาของพวกเขาอยู่ใต้ร่มเงา พร้อมเปิดพัดลมเอาไว้ในบริเวณใกล้เคียงเพื่อช่วยทำให้พวกเขารู้สึกสบาย หากคุณทำงานจากที่บ้าน หรือนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานบ่อย ๆ ให้ลองการออกแบบเก้าอี้นั่งทำงานของคุณให้สามารถนั่งได้สบาย เก้าอี้ที่ใช้ตาข่ายเป็นพนักพิงแทนโฟมซึ่งช่วยทำให้อากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวกซึ่งนี่อาจดูเหมือนเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มันสามารถช่วยคลายร้อนให้คุณได้ดีจริง ๆ
Rash guard Cr: www.decathlon.com.au
เนื่องจากเราอาศัยอยู่บนเกาะเขตร้อนที่สวยงาม และมีชายหาดที่สวยงามที่สุดในโลก ดังนั้นการซ่อนตัวอยู่ภายในที่พักตลอดเวลาจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเสมอไป คุณต้องคำนึงว่าผิวของคุณจะรับปริมาณแสงแดดในแต่ละมากแค่ไหนซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเภทผิวของคุณ คนที่มีผิวขาวอาจใช้เวลารับแสงแดดเพียง 5-10 นาที ในขณะที่คนที่มีผิวคล้ำอาจใช้เวลาเพียง 15-30 นาที ตามที่เราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าร่มเงาเป็นกุญแจสำคัญ และไม่ได้หมายความว่าคุณต้องซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นไม้อยู่ตลอดเวลา ร่มช่วยให้คุณมีที่บังแดดแบบพกพาได้ แต่คนส่วนใหญ่มักสวมหมวก และเสื้อแขนยาวแทน แม้ว่าเสื้อผ้าผ้าฝ้าย ผ้าลินิน หรือผ้าเรยอนตามปกติในชีวิตประจำวันของคุณจะช่วยป้องกันไม่ให้คุณถูกแดดเผาได้ แต่ไม่สามารถช่วยป้องกันแสง UV ที่เป็นอันตรายต่อผิวของคุณได้ทั้งหมด คุณควรหาซื้อเสื้อผ้าที่มีค่า UPF (ผ้าป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต) ซึ่งเป็นผ้าที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อป้องกันแสงแดด UVA และ UVB คุณสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องกีฬาทั่วไป ร้านดำน้ำ และร้านกีฬาเล่นเซิร์ฟ ผ้าชนิดนี้มักจะได้รับการออกแบบมาเป็นเสื้อผ้ารัดรูปประเภท “rash guard” สำหรับกีฬาทางน้ำ แต่บางครั้งคุณอาจหาเสื้อผ้าที่หลวมกว่าสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน
ครีมกันแดด Reef-safe Sunscreen - Cr: herstyleasia.com
แน่นอนว่าเราจะต้องพูดถึงครีมกันแดดในภูมิประเทศเขตร้อนที่มีแสงแดด และความร้อนจัด สำหรับหลาย ๆ คน โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบกีฬาทางน้ำตัวยง ครีมกันแดดกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีพกติดตัวไว้เนื่องจากเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าจะมีแบรนด์ของครีมกันแดดผลิตออกมาให้เลือกซื้อจำนวนนับล้านโดยมีตั้งแต่ราคาถูกซึ่งขายอยู่ใน 7-11 ไปจนถึงเครื่องสำอางแบรนด์ดัง แต่ละแบรนด์นั้นสามารถกันแดดได้ไม่เหมือนกัน โดยไม่ต้องลงรายละเอียดมากเกินไป (มีการเขียนวิทยานิพนธ์มากมายในหัวข้อนี้) ครีมกันแดดทั้งหมดแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ: ทางกายภาพ และทางเคมี โดยพื้นฐานแล้ว มีสารป้องกันรังสียูวีทางกายภาพเพียง 2 ชนิด ได้แก่ ซิงค์ออกไซด์ และไททาเนียมไดออกไซด์ เมื่อนำมาทาบนผิวแล้วจะมีคุณสมบัติช่วยสะท้อนรังสียูวี มีครีมบล็อกรังสียูวีประเภทเคมีหลายประเภท และทั้งหมดทำงานโดยการซึมเข้าสู่ผิวหนัง และดูดซับรังสียูวี หากถามเราว่าแบบไหนดีกว่ากันล่ะก็ ยังคงมีการถกเถียงกันอยู่มากมายว่าแบบไหนดีกว่ากัน น่าจะดีหากสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงอุทยานทางทะเลของไทยมีการห้ามใช้สารกันแดดที่เป็นสารเคมีบางชนิดซึ่งจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าควรใช้ครีมกันแดดแบบไหนดีที่สุด ความเป็นจริงแล้ว หากคุณถูกจับได้ว่าใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมเหล่านี้: ออกซิเบนโซน (oxybenzone) ออกติโนเสต (octinoxate) 4-methylbenzylidene camphor หรือบูทิลพาราเบน (butylparaben) ในอุทยานทะเลไทย คุณอาจถูกปรับได้โดยมีค่าปรับไม่เกิน 100,000 บาท ความจริงแล้ว ซิงค์ออกไซด์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยที่สุด และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ดังนั้นคุณจึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของซิงค์ออกไซด์เท่านั้น